ศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีมัตสึโมโต้ อยู่เยื้องไปทางด้านหลังของอาคารที่มีลูกบอลเทะมาริขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า จากหน้าสถานีรถไฟเดินตรงไปตามป้ายบอกทางไปปราสาทมัตสึโมโต้เรื่อยๆ จะเจอถนนใหญ่ ริมถนนมีอาคารขนาดใหญ่ซึ่งมีนาฬิกาลูกบอลเทะมาริตั้งอยู่ บริเวณด้านข้างอาคารจะมีถนนเส้นเล็กๆ ซึ่งมีวัดขนาดใหญ่ (วัดโจรินจิ) ตั้งอยู่ริมถนน ข้างวัดสามารถมองเห็นซุ้มประตูสีแดงสัญลักษณ์ของศาลเจ้าชินโตได้อย่างชัดเจน วัดและศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดเด่นสะดุดตาอยู่ที่ประตูไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในมัตสึโมโต้ค้ำด้วยเสา 4 ต้นพร้อมด้วยคานรับน้ำหนัก 2 แห่ง ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นยุคเอโดะระหว่างปีพ.ศ. 2231-2247 หลังคาทรงโบราณ ชายคาทำจากไม้เนื้อแข็งสีดำประดับด้วยไม้แกะสลักอย่างงดงามโดยช่างแกะสลักชื่อ ยูเท็นจิไดนิเซ ยูไคโจโตะ จากประตูสามารถเข้าไปสู่ลานกว้างในบริเวณวัดได้
ภายในลานวัดมีการจัดสวนให้พื้นที่ดูโล่ง สวนถูกจัดและออกแบบได้อย่างลงตัวขัดแย้งกับความจำกัดของพื้นที่ ทางเดินที่ปกคลุมด้วยต้นมอสและน้ำที่ตกลดหลั่นลงมาเหนือก้อนหิน น้ำที่ไหลระหว่างต้นไม้จะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายท่ามกลางความเงียบสงบ หอระฆังถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2388 ตามสไตล์ของทาชิกาว่า รูปแกะสลักมังกรที่ประดับอยู่ด้านบนถูกแกะสลักโดยทาชิกาว่า คาซุชิโร่ ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลัก รวมทั้งช่างฝีมือพ่อ-ลูก ฮาราดะ โคซาบุโรและฮาราดะ โคโซ นอกจากนี้แผ่นไม้สามเหลี่ยมที่ติดระหว่างเสาและคานของศาลเจ้าก็เป็นงานฝีมือสไตล์พื้นบ้านที่พบได้ในเมืองมัตสึโมโต้อีกด้วย
วัดโจรินจิสร้างขึ้นโดยขุนนางชื่อโอกาซาวาระ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 ภายหลังชื่อวัดได้ถูกเปลี่ยนเป็น “วัดฟุเทจิ” ตามการอุปถัมภ์ของตระกูลอิชิกาว่า จากนั้นขุนนางตระกูลอิชิกาว่าก็ได้สร้างศาลเจ้าขนาดเล็กแห่งนี้ขึ้นข้างวัด ภายหลังวัดได้ถูกเปลี่ยนชื่อกลับไปใช้ชื่อเดิมอีกครั้งเมื่อตระกูลโอกาซาวาระกลับมาเป็นผู้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้อีกครั้ง ขุนนางชื่อฮิเระมาสะ โอกาซาวาระได้บริจาคเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 10 ก้อนตั้งไว้ในวัดแห่งนี้ หลังจากนั้นมีบุคคลสำคัญรับช่วงดูแลวัดแห่งนี้หลายต่อหลายรุ่น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่วัดแห่งนี้ได้ถูกปิดลงเมื่อยุคเมจิปีที่ 5 เนื่องมาจากภาระค่าใช้จ่ายสำหรับทำนุบำรุงวัดและเมื่อไม่นานมานี้วัดแห่งนี้ได้ถูกเปิดให้เข้าชมได้อีกครั้ง